บทสรุปผู้บริหาร
*******************
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานไตรมาส 3 ปี 2555 ของจังหวัดลพบุรี
มีรายละเอียดดังนี้
ภาวะเศรษฐกิจ
โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีตามข้อมูล GPP ปี พ.ศ.2553 ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีเมื่อพิจารณาจากรายได้การผลิตขึ้นกับสาขาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริหารราชการแผ่นดิน และการขายส่งขายปลีก โดยมีสัดส่วน ร้อยละ 24.7 22.9 16.0 และ 9.0 ของมูลค่า GPP รวมทั้งจังหวัดตามลำดับ รายได้ต่อหัวประชากร 94,412 บาท/คน/ปี (ตามข้อมูลเบื้องต้นจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
ภาพรวมเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 2/2555 ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาขาการผลิตหลักของจังหวัดขยายตัวสูงขึ้น ทั้งภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม ผนวกกับด้านการบริโภค การเงิน การใช้จ่ายภาครัฐ และการจ้างงาน ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน สำหรับด้านการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวตามระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ด้านการท่องเที่ยวหดตัวลงจากปีก่อนเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและประชาชนลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงในช่วงที่ค่าครองชีพสูงขึ้น
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 3/2555 คาดว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ปี พ.ศ.2555 (กรกฎาคม – กันยายน 2555) จะขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม รวมทั้งการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวในเกณฑ์ดีซึ่งจังหวัดลพบุรีได้จัดสรรงบประมาณฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากรัฐบาลซึ่งเป็นการกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคในจังหวัดให้ปรับตัวดีขึ้นโดยคาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป แต่ยังคงมีปัจจัยลบที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัวเท่าที่ควร คือ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขยายตัวในอัตราสูง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น และสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ คือ การวางแผนป้องกันปัญหาอุทกภัยไม่ให้เกิดความเสียหายรุนแรงเช่นเดียวกับปีก่อน สำหรับในปี 2555 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 5.2-6.2
สถานการณ์ด้านแรงงาน
ประชากรและกำลังแรงงาน ประชากรในจังหวัดลพบุรีมีจำนวน 788,024 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงานจำนวน 660,460 คน ผู้มีงานทำ 483,157 คน ผู้ว่างงาน 1,398 คน
การมีงานทำ ผู้มีงานทำ 483,157 คน พบว่าทำงานในภาคการเกษตรกรรม 200,350 คน คิดเป็นร้อยละ 41.47 ของผู้มีงารนทำทั้งหมด ส่วนผู้ทำงานนอกภาคการเกษตรกรรมมีจำนวน 282,807 คน ร้อยละ 58.53 โดยกลุ่มผู้ทำงานนอกภาคการเกษตรกรรมจะทำงานในสาขาการผลิตมากที่สุดจำนวน 95,142 คน คิดเป็นร้อยละ 19.69 รองลงมาคือการขายส่ง การขายปลีก จำนวน 65,688 คน ร้อยละ 13.59 และกิจกรรมโรงแรมและอาหาร จำนวน 32,941 คน ร้อยละ 6.81
การว่างงาน ผู้ว่างงานในจังหวัดลพบุรีมีประมาณ 1,398 คน คิดเป็นร้อยละ 0.27
การบริการจัดหางานของจังหวัดลพบุรี ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2555 มีตำแหน่งงานว่าง 1,084 คน ผู้ลงทะเบียนสมัครงานมีจำนวนทั้งสิ้น 3,027 คน และมีผู้ได้รับการบรรจุงานทั้งสิ้น 1,797 คน หากพิจารณาถึงรายละเอียดระดับการศึกษาจะพบว่าตำแหน่งงานว่างที่มีความต้องการ คือ ระดับมัธยมศึกษามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 39.39 (427 อัตรา) รองลงมาเป็นระดับปวช. คิดเป็นร้อยละ 18.91 (205 อัตรา) และระดับปวส. มีอัตราร้อยละ 15.59 (169 อัตรา) ขณะที่ผู้สมัครงานไตรมาสนี้ผู้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษามีจำนวนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 47.29 (1,431 อัตรา) รองลงมาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 18.80 (569 อัตรา) และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 13.64 (413 อัตรา) และผู้บรรจุงานระดับมัธยมศึกษาได้รับการบรรจุงานมากที่สุด มีร้อยละ 55.49 (997 อัตรา) รองลงมาระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 18.41 (331 อัตรา) และระดับปริญญาตรี 15.91 (286 อัตรา)
การจ้างงานคนต่างด้าว ด้านแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานตามมติ ครม. จำแนกตามสัญชาติมีจำนวนทั้งสิ้น 2,233 คน จำแนกเป็นสัญชาติพม่ามาที่สุด จำนวน 1,999 คน คิดเป็นร้อยละ 89.52 รอลงมาสัญชาติกัมพูชาจำนวน 211 คน คิดเป็นร้อยละ 9.45 และสัญชาติลาว จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 1.03ของแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งหมด ส่วนจำนวนคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในจังหวัดลพบุรีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น 223 คน โดยส่วนใหญ่คนต่างด้าวประเภทชั่วคราว จำนวน 203 คน ร้อยละ 91.03 รองลงมาประเภทส่งเสริมการลงทุน จำนวน 11 คน ร้อยละ 4.94 และประเภทมาตรา 12 (ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี) จำนวน 9 คน ร้อยละ 4.03 ของคนต่างด้าวถูกกฎหมายทั้งหมด
แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ในส่วนของการอนุญาตให้ไปทำงานต่างประเทศในไตรมาส พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 81 คน หากพิจารณาตามวิธีการเดินทางของผู้ที่เดินทางไปทำงานพบว่า ส่วนใหญ่เป็นประเภท Re-Entry คือกลับไปทำงานอีกครั้งโดยการต่ออายุสัญญา คือ 39 คน ร้อยละ 48.15 รองลงมาประเภทนายจ้างพาไปฝึกงาน 38 คน ร้อยละ 46.91 และประเภทเดินทางด้วยตนเอง 3 คน ร้อยละ 3.70 หากพิจารณาถึงภูมิภาคที่แรงงานไทยได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะไปทำงานในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 58 คน ร้อยละ 71.60 รองลงมาภูมิภาคตะวันออกกลาง จำนวน 11 คน ร้อยละ 13.58 และภูมิภาค แอฟริกา จำนวน 7 คน ร้อยละ 8.64
การพัฒนาศักยภาพแรงงาน สำหรับการพัฒนาศักยภาพแรงงานในไรมาสนี้ ในด้านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ในไตรมาสนี้มี 2 กลุ่มอาชีพ จำนวน 29 คน ที่เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน คือ ช่างเครื่องกล จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 24.13 ของผู้เข้ารับการพัฒนาฝีมือแรงงานทั้งหมด และกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 75.87 ของผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด โดยผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานพบว่า มีผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้งหมด 21 คน เป็นช่างอุตสาหกรรมศิลป์ คิดเป็นร้อยละ 72.41 ของผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานทั้งหมด และกลุ่มอาชีพช่างเครื่องกลอยู่ในระหว่างการฝึก
การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน มีผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งสิ้น 258 คน จำแนกเป็น กลุ่มอาชีพที่เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานมากที่สุด คือ กลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการ 123 คน คิดเป็นร้อยละ 47.69 (ผู้ผ่านการฝึก 122 คน คิดเป็นร้อยละ 47.47 ของผู้ผ่านการฝึกทั้งหมด) รองลงมากลุ่มอาชีพช่างก่อสร้าง 84 คน คิดเป็นร้อยละ 32.55 (ผู้ผ่านการฝึก 84 คน คิดเป็นร้อยละ 32.68 ของผู้ผ่านการฝึกทั้งหมด) กลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ 26 คน คิดเป็นร้อยละ 10.07 (ผู้ผ่านการฝึก 26 คน คิดเป็นร้อยละ 10.11 ของผู้ผ่านการฝึกทั้งหมด) และกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรม 25 คน คิดเป็นร้อยละ 9.69 (ผู้ผ่านการฝึก 25 คน คิดเป็นร้อยละ 9.72 ของผู้ผ่านการฝึกทั้งหมด)
การประกันสังคม จำนวนสถานประกอบการและผู้ประกันตนที่เข้าสู่ระบบประกันสังคมจำแนกออกดเป็น 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน โดยมีสถานประกอบการที่อยู่ในข่ายกองทุนประกันสังคมจำนวน 2,225 แห่ง ลูกจ้างทั้งสิ้น 74,302 ราย และกองทุนเงินทดแทนมีสถานประกอบการจำนวน 1,938 แห่ง ลูกจ้างทั้งสิ้น 66,375 ราย โดยหากพิจารณาจำนวนสถานประกอบการที่อยู่ในเครือข่ายกองทุนประกันสังคมพบว่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.17 โดยมีสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมทั้งสิ้น 3 แห่ง โดยเป็นสถานพยาบาลของรัฐทั้งหมด
ในด้านการใช้บริการจากกองทุนประกันสังคมเมื่อพิจารณาตามประเภทของประโยชน์ทดแทน (ไม่เนื่องจากการการทำงาน) ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน พบว่าจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 25,747 ราย สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนของผู้ใช้บริการสูงสุดได้แก่ กรณีสงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 12,404 ราย คิดเป็นร้อยละ 48.17 รองลงมาได้แก่กรณีเจ็บป่วย ว่างงาน คลอดบุตร ทุพพลภาพ ชราภาพ และตาย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 29.61 16.04 3.04 1.54 1.35 0.25 ตามลำดับ
ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
****************
โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีตามข้อมูล GPP ปี พ.ศ.2553 ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีเมื่อพิจารณาจากรายได้การผลิตขึ้นกับสาขาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริหารราชการแผ่นดิน และการขายส่งขายปลีก โดยมีสัดส่วน ร้อยละ 24.7 22.9 16.0 และ 9.0 ของมูลค่า GPP รวมทั้งจังหวัดตามลำดับ รายได้ต่อหัวประชากร 94,412 บาท/ คน/ปี (ตามข้อมูลเบื้องต้นจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
ภาพรวมเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 2/2555 ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาขาการผลิตหลักของจังหวัดขยายตัวสูงขึ้น ทั้งภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม ผนวกกับด้านการบริโภค การเงิน การใช้จ่ายภาครัฐ และการจ้างงาน ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน สำหรับด้านการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวตามระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ด้านการท่องเที่ยวหดตัวลงจากปีก่อนเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและประชาชนลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงในช่วงที่ค่าครองชีพสูงขึ้น
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ปี พ.ศ.2555 (กรกฎาคม – กันยายน 2555) จะขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม รวมทั้งการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวในเกณฑ์ดีซึ่งจังหวัดลพบุรีได้จัดสรรงบประมาณฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากรัฐบาลซึ่งเป็นการกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคในจังหวัดให้ปรับตัวดีขึ้นโดยคาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป แต่ยังคงมีปัจจัยลบที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัวเท่าที่ควร คือ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขยายตัวในอัตราสูง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น และสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ คือ การวางแผนป้องกันปัญหาอุทกภัยไม่ให้เกิดความเสียหายรุนแรงเช่นเดียวกับปีก่อน สำหรับในปี 2555 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 5.2-6.2
1. ด้านการผลิต
1.1 ภาคการเกษตร
1.1.1 สาขาการเกษตร ขยายตัวโดยพิจารณาจากมูลค่าผลผลิตรวมด้านเกษตรเพิ่มขึ้น ร้อยละ 73.88
1.1.2 สาขาปศุสัตว์ ขยายตัวโดยพิจารณาจากมูลค่าผลผลิตรวมด้านปศุสัตว์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.71
1.2 ภาคนอกการเกษตร
1.2.1 สาขาอุตสาหกรรม ขยายตัว พิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.16
1.2.2 สาขาการท่องเที่ยว หดตัว พิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 22.83
2. ด้านการบริโภค
ขยายตัว พิจารณาจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.92 การจดทะเบียนรถยนต์ใหม่และรถจักรยานยนต์ใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 41.47 และ 6.22
3. ด้านการลงทุนภาคเอกชน
ชะลอตัว พิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้ากิจการขนาดเล็กเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.57 การจดทะเบียนรถบรรทุกส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.71 แต่จำนวนทุนจดทะเบียนกิจการใหม่ยังคงลดลงจากปีก่อนร้อยละ 13.73
4. ด้านการใช้จ่ายภาครัฐ
การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 15.01 และการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 31.58
5. ด้านการเงิน
ขยายตัว พิจารณาจากปริมาณเงินฝากและสินเชื่อ ธ.พาณิชย์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ ร้อยละ 10 และ 20 ตามลำดับ
6. ด้านราคา
ณ สิ้นไตรมาส ดัชนีราคาผู้บริโภค(อัตราเงินเฟ้อ) สูงขึ้นร้อยละ 2.17 และดัชนีราคาผู้ผลิตลดลงร้อยละ 0.43
7. ด้านการจ้างงาน
ขยายตัว พิจารณาจากจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2
*********************