บทสรุปผู้บริหาร
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานไตรมาส 4 ปี 2555 ของจังหวัดลพบุรี
มีรายละเอียดดังนี้
ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 4 ปี 2555
โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีตามข้อมูล GPP ปี พ.ศ.2553 ของ สศช. เมื่อพิจารณารายได้จากการผลิตขึ้นกับ สาขาอุตสาหกรรม เกษตรกรรม บริหารราชการแผ่นดิน และค้าส่งค้าปลีก โดยมีสัดส่วน คิดเป็นร้อยละ 26.73, 18.29, 16.87 และ 8.60 ของมูลค่า GPP รวมทั้งจังหวัด ตามลำดับ รายได้ต่อหัวประชากร 86,862 บาท/คน/ปี
ภาพรวมเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ในเดือนพฤศจิกายน 2555 อยู่ในช่วงขยายตัวจาก ปีก่อน โดยเศรษฐกิจหลักของจังหวัด ด้านอุปทาน การผลิต ภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ขยายตัวได้ดี แม้ว่าภาคการเกษตร จะหดตัวลงเล็กน้อยแต่คาดว่าจะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ที่การเพาะปลูกเหลื่อมเดือน ด้านอุปสงค์ การบริโภค การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน และการเงินขยายตัวได้ดี เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อยู่ในเกณฑ์ดี การจ้างงาน ขยายตัวตามภาคอุตสาหกรรมและการลงทุน สำหรับอัตราการว่างงานและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 1 ปี 2556
คาดว่าเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีจะขยายตัวต่อเนื่องตามเศรษฐกิจประเทศ และเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรในจังหวัดมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภคและการลงทุนยังขยายตัวได้ดี สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ ได้แก่ การที่ต้องพึ่งพาการใช้จ่ายภาคธุรกิจและครัวเรือนในช่วงที่การส่งออกยังอ่อนแอ ภาครัฐจึงควรกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติ เช่น ภาวะฝนแล้ง และปัญหาศัตรูพืชที่อาจเกิดขึ้น จึงควรมีการวางแผนป้องกันล่วงหน้า
ธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณการเศรษฐกิจไทยว่าในปี 2555 จะขยายตัวร้อยละ 4.6 เศรษฐกิจโลกขยายตัว ร้อยละ 3.3 สำหรับสำนักงานคลังจังหวัดลพบุรี ประมาณการว่าเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี จะขยายตัวร้อยละ 3.3
สถานการณ์ด้านแรงงาน
ประชากรและกำลังแรงงาน จังหวัดลพบุรีมีประชากรเฉลี่ย757,439 คน สัดส่วนของเพศชายมากกว่าเพศหญิง คือ เพศชายมีจำนวน 380,360 คน คิดเป็นร้อยละ 50.21 โดยสัดส่วนของประชากรทั้งหมดพบว่าเป็นผู้อยู่ในวัยทำงานหรืออายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 661,468 คน คิดเป็นร้อยละ 87.32 ขณะที่ผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวยน 95,971 คน คิดเป็นร้อยละ 12.68
การมีงานทำ ผู้มีงานทำ 484,611 พบว่าทำงานในภาคการเกษตรกรรม 196,882 คน คิดเป็นร้อยละ 40.63 ส่วนผู้ทำงานนอกภาคการเกษตรกรรม จำนวน 285,754 คน คิดเป็นร้อยละ 59.37 โดยกลุ่มผู้ทำงานนอกภาคการเกษตรกรรมจะทำงานในสาขาการผลิตมากที่สุด จำนวน 91,182 คน คิดเป็นร้อยละ 18.90 รองลงมาคือ การขายส่ง การขายปลีก จำนวน 71,024 คน คิดเป็นร้อยละ 14.72 การก่อสร้าง จำนวน 34,015 คน คิดเป็นร้อยละ 7.05 กิจกรรมโรงแรมและอาหาร จำนวน 31,100 คน คิดเป็นร้อยละ 6.45 และการบริหารราชการและป้องกันประเทศ จำนวน 15,528 คน คิดเป็นร้อยละ 3.21
การว่างงาน ผู้ว่างงานในจังหวัดลพบุรีมีประมาณ 1,975 คน โดยมีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.40
การบริการจัดหางานของจังหวัดลพบุรี ในไตรมาส 4 ปี 2555 มีตำแหน่งงานว่าง 1,332 อัตรา ในส่วนผู้ลงทะเบียนสมัครงาน จำนวน 5,443 คน และมีผู้ได้รับการบรรจุให้มีงานทำทั้งสิ้น 1,083 คน หากพิจารณาถึงรายละเอียดของระดับการศึกษาจะพบว่าตำแหน่งงานว่างที่มีความต้องการ คือ ระดับมัธยมศึกษา ร้อยละ 35.81 (477 อัตรา) รองลงมาระดับปวช. ร้อยละ 18.31 (244 อัตรา) ระดับปวส. ร้อยละ 15.61 (208 อัตรา) ระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 12.84 (171 อัตรา) ระดับ ปริญญาตรี ร้อยละ 10.44 (139 อัตรา) แสดงให้เห้นว่าตลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานในระดับต่ำกว่าปริญญาตรีสูง ดังนั้นการผลิตคนในระดับสูงต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทำงานต่ำกว่าระดับตามมา ขณะที่ผู้สมัครงานไตรมาสนี้ การศึกษาระดับมัธยมศึกษามีจำนวนมากที่สุด คือ ร้อยละ 33.63 (1,831 คน) รองลงมาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 20.94 (1,139 คน) ระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 16.86 (917 คน) ระดับปวช. ร้อยละ 16.27 (885 คน) และระดับปวส. ร้อยละ 11.94 (649 คน) ผู้บรรจุงานระดับมัธยมศึกษามีมากที่สุด ร้อยละ 38.22 (414 คน) รองลงมาระดับปวช. ร้อยละ 20.60 (223 คน) ระดับปวส. ร้อยละ 16.25 (176 คน) ระดับปริญญาตรี ร้อยละ 11.91 (129 คน)
การจ้างงานคนต่างด้าว ด้านแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานตามมติ ครม. จำแนกตามสัญชาติมีจำนวนทั้งสิ้น 2,233 คน จำแนกเป็นสัญชาติพม่ามาที่สุด จำนวน 1,999 คน คิดเป็นร้อยละ 89.52 รองลงมาสัญชาติกัมพูชาจำนวน 211 คน คิดเป็นร้อยละ 9.45 และสัญชาติลาว จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 1.03ของแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งหมด ส่วนจำนวนคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในจังหวัดลพบุรีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น 223 คน โดยส่วนใหญ่คนต่างด้าวประเภทชั่วคราว จำนวน 203 คน ร้อยละ 91.03 รองลงมาประเภทส่งเสริมการลงทุน จำนวน 11 คน ร้อยละ 4.94 และประเภทมาตรา 12 (ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี) จำนวน 9 คน ร้อยละ 4.03 ของคนต่างด้าวถูกกฎหมายทั้งหมด
แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ในส่วนของการอนุญาตให้ไปทำงานต่างประเทศในไตรมาส พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 81 คน หากพิจารณาตามวิธีการเดินทางของผู้ที่เดินทางไปทำงานพบว่า ส่วนใหญ่เป็นประเภท Re-Entry คือกลับไปทำงานอีกครั้งโดยการต่ออายุสัญญา คือ 39 คน ร้อยละ 48.15 รองลงมาประเภทนายจ้างพาไปฝึกงาน 38 คน ร้อยละ 46.91 และประเภทเดินทางด้วยตนเอง 3 คน ร้อยละ 3.70 หากพิจารณาถึงภูมิภาคที่แรงงานไทยได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะไปทำงานในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 58 คน ร้อยละ 71.60 รองลงมาภูมิภาคตะวันออกกลาง จำนวน 11 คน ร้อยละ 13.58 และภูมิภาค แอฟริกา จำนวน 7 คน ร้อยละ 8.64
การพัฒนาศักยภาพ การฝึกยกระดับฝีมือแรงงานพบว่า มีผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งสิ้น 384 คน เป็นกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ 257 คน คิดเป็นร้อยละ 66.92 รองลงมาอาชีพธุรกิจและบริการ 95 คน คิดเป็นร้อยละ 24.73 อาชีพช่างเครื่องกล 21 คน คิดเป็นร้อยละ 5.47 และช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ 11 คน คิดเป็นร้อยละ 2.88 ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด หากพิจารณาผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานพบว่าผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด 384 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้เข้ารับการฝึกทั้งหมด
การฝึกเตรียมเข้าทำงานในจังหวัดลพบุรีพบว่า มีผุ้เข้ารับการฝึกทั้งสิ้น 26 คน โดยเป็นกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ทั้งหมด จำนวน 26 คน
การคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลพบุรี ได้ดำเนินการตรวจแรงงานในสถานประกอบการทั้งสิ้น 74 แห่ง มีลูกจ้างที่ผ่านการตรวจหรือได้รับความคุ้มครองรวม 2,818 คน ในส่วนผลการตรวจพบว่าสถานประกอบการทั้งหมดส่วนใหญ่ร้อยละ 81.08 (จำนวน 60 แห่ง) ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่สถานประกอบการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายมีร้อยละ 18.92 (จำนวน 14 แห่ง)
การประกันสังคม จำนวนสถานประกอบการและผู้ประกันตนที่เข้าสู่ระบบประกันสังคม จำแนกออกเป็น 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน โดยกองทุนประกันสังคม มีจำนวนสถานประกอบการทั้งสิ้น 2,223 แห่ง ผู้ประกันตน 73,743 ราย และเงินกองทุนเงินทดแทน มีสถานประกอบการทั้งสิ้น 1,935 แห่ง ลูกจ้าง 66,029 ราย
ในด้านการใช้บริการจากกองทุนประกันสังคมเมื่อพิจารณาตามประเภทของประโยชน์ทดแทน (ไม่เนื่องจาการทำงาน) ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน พบว่าจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 26,164 ราย สำหรับประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุดได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 12,911 ราย คิดเป็นร้อยละ 49.35 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รองลงมาได้แก่กรณีเจ็บป่วย ว่างงาน คลอดบุตร ชราภาพ ทุพพลภาพ และตาย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 37.09 8.90 3.05 0.80 0.56 0.25 ตามลำดับ