บทสรุปผู้บริหาร
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานไตรมาส 1 ปี 2554 ของจังหวัดลพบุรี
มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
————————-
ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีไตรมาส 1/2554
โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ตามข้อมูล GPP ปี พ.ศ. 2552 ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีเมื่อพิจารณารายได้จาก การผลิตขึ้นกับ สาขาอุตสาหกรรม เกษตรกรรม บริหารราชการแผ่นดิน และค้าส่งค้าปลีก โดยมีสัดส่วนร้อยละ 23.03 20.77 16.38 และ 10.79 ของมูลค่า GPP รวมทั้งจังหวัด ตามลำดับ รายได้ต่อหัวประชากร 87,137 บาท/คน/ปี
ภาพรวมเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 1/2554 ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยทุกสาขา การผลิตขยายตัวสูงขึ้น ยกเว้นการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจังหวัดขยายตัว คือ ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งมูลค่าการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการจ้างงานสูงขึ้นด้วย ผนวกกับระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้น สะท้อนจากการบริโภคในจังหวัด สำหรับการท่องเที่ยวเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากซบเซาในปีที่ผ่าน
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 2/2554
คาดว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ปี พ.ศ.2554 (เมษายน – มิถุนายน 2554) จะขยายตัวต่อเนื่องจาก ไตรมาสที่ 1 ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การบริโภค การท่องเที่ยว การจ้างงาน รวมทั้งการลงทุนภาครัฐ จะขยายตัวในเกณฑ์ดี และคาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัว แต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจังหวัดไม่ขยายตัวเท่าที่ควร คือ ปัญหาภัยธรรมชาติ
จากการประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ด้วยวิธี Management Chart คาดว่าเศรษฐกิจจังหวัด ปี 2554 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 10
สถานการณ์ด้านแรงงาน
ประชากรและกำลังแรงงาน จังหวัดลพบุรีมีประชากรเฉลี่ยทั้งสิ้น 781,360 คน สัดส่วนของเพศหญิงมีมากกว่าชาย กล่าวคือ เพศหญิงมีจำนวน 396,693 คน คิดเป็นร้อยละ 50.77 ขณะที่เพศชายมี 384,667 คน (ร้อยละ 49.23) โดยสัดส่วนของประชากรทั้งหมดพบว่าเป็นผู้อยู่ในวัยทำงานหรืออายุ 15 ปีขึ้นไปมีจำนวน 650,032 คน คิดเป็นร้อยละ 83.19 ขณะที่ผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี มี 133,328 คน (ร้อยละ 16.81)
การมีงานทำ ผู้มีงานทำ 468,472 คน พบว่าทำงานในภาคเกษตรกรรม 288,532 คน คิดเป็นร้อยละ 61.59 ของผู้มีงานทำทั้งหมด ส่วนผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวน 179,940 คน (ร้อยละ 38.42 ของผู้มีงานทำทั้งหมด) โดยกลุ่มผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมจะทำงานในสาขาเกษตรกรรม ล่าสัตว์ ป่าไม้ มากที่สุดจำนวน 183,432 คน คิดเป็นร้อยละ 39.16 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมทั้งหมด รองลงมาคือ การผลิต มี 101,462 คน คิดเป็นร้อยละ 21.66 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมทั้งหมด การก่อสร้าง 38,317 คน ร้อยละ 8.18 การขายส่ง การขายปลีก 67,184 คน ร้อยละ 14.34 และโรงแรมและภัตตาคาร จำนวน 24,536 คน ร้อยละ 5.24
การว่างงาน ผู้ว่างงานในจังหวัดลพบุรีมีประมาณ 9,381 คน โดยมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.95
การบริการจัดหางานของจังหวัดลพบุรี ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2554 มีตำแหน่งงานว่าง 1,894 อัตรา ในส่วนของผู้ลงทะเบียนสมัครงาน มีจำนวนทั้งสิ้น 1,932 คน และมีผู้ได้รับการบรรจุให้มีงานทำทั้งสิ้น 1,090 คน หากพิจารณาถึงรายละเอียดของระดับการศึกษาจะพบว่าตำแหน่งงานว่างที่มีความต้องการ คือ ระดับ ปวช./ปวส./อนุปริญญา มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 41.18 (780 อัตรา) รองลงมาเป็น ระดับมัธยมศึกษาโดยมีสัดส่วนร้อยละ 33.37 (632 อัตรา) ระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 15.42 (292 อัตรา) ระดับปริญญาตรี ร้อยละ 10.03 (190 อัตรา) และระดับปริญญาโท ร้อยละ 0.18 (3 อัตรา) แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานในระดับต่ำกว่าปริญญาตรีสูง ดังนั้นการผลิตคนในระดับสูงจึงต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทำงานต่ำกว่าระดับตามมา ขณะที่ผู้สมัครงานไตรมาสนี้ ผู้มีการศึกษาระดับปวช./ปวส./อนุปริญญา มีจำนวนมากที่สุด คือ ร้อยละ 38.20 (738 คน) รองลงมาเป็นระดับปริญญาตรี จำนวน 474 คน (ร้อยละ 24.53) ระดับมัธยมศึกษาร้อยละ 24.43 (472 คน) ส่วนระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 12.84 (248 คน) และ ผู้บรรจุงานมัธยมศึกษาได้รับการบรรจุงานมากที่สุด มีร้อยละ 48.62 (530 คน) ระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า มีร้อยละ 26.97 294 คน) ระดับระดับ ปวช./ปวส./อนุปริญญา จำนวน 169 คน (ร้อยละ 15.50) และระดับปริญญาตรี 97 คน
การจ้างงานคนต่างด้าว ด้านแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานตามมติ ครม. จำแนกตามสัญชาติมีจำนวนทั้งสิ้น 1,891 คน จำแนกเป็นสัญชาติพม่ามากที่สุด จำนวน 1,101 คน คิดเป็นร้อยละ 58.22 สัญชาติลาวจำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 0.42 และสัญชาติกัมพูชา 782 คน คิดเป็นร้อยละ 41.35 ของแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งหมด
แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ในส่วนของการอนุญาตให้ไปทำงานต่างประเทศในไตรมาสนี้ พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 58 คน หากพิจารณาตามวิธีการเดินทางของผู้ที่เดินทางไปทำงานพบว่า ส่วนใหญ่เป็นประเภท Re-Entry คือ กลับไปทำงานอีกครั้งหนึ่งโดยการต่ออายุสัญญา คือ 487 คน (ร้อยละ 82.76) รองลงมาเป็นประเภทนายจ้างพาไปฝึกงาน 6 คน (ร้อยละ 10.34) และประเภทเดินทางด้วยตนเอง 4 คน (ร้อยละ 6.90)
ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะไปทำงานในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 53.45 ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด รองลงมาคือภูมิภาคตะวันออกกลาง จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 29.31 ภูมิภาคแอฟริกามีจำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 10.34 และภูมิภาคอื่น ๆ มีจำนวน 4 คน ร้อยละ 6.90
การพัฒนาศักยภาพแรงงาน การฝึกยกระดับฝีมือแรงงานพบว่า มีผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งสิ้น 263 คน จำแนกเป็นกลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการมากที่สุด 168 คน คิดเป็นร้อยละ 63.88 ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด กลุ่มอาชีพช่างเครื่องกล 95 คน คิดเป็นร้อยละ 36.12 ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด หากพิจารณาผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานพบว่ากลุ่มอาชีพธุรกิจบริการมีผู้ผ่านการฝึก 162 คน คิดเป็นร้อยละ 64.03 ของผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด กลุ่มอาชีพช่างเครื่องกลมีผู้ผ่านการฝึก 91 คน คิดเป็นร้อยละ 35.97 ของผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด
การฝึกเตรียมเข้าทำงานในจังหวัดลพบุรีพบว่า มีผู้เข้ารับการฝึกทั้งสิ้น 30 คน โดยกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์มากที่สุดจำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 96.67 ของผู้เข้ารับการฝึกเตรียมเข้าทำงานทั้งหมด และกลุ่มช่าง อุตสาหการจำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 3.33 ของผู้เข้ารับการฝึกเตรียมเข้าทำงานทั้งหมด หากพิจารณาถึงผู้ผ่านการฝึกเตรียมเข้าทำงานอยู่ในระหว่างการฝึกทั้ง 2 กลุ่มอาชีพ
การคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลพบุรีได้ดำเนินการตรวจแรงงานในสถานประกอบการทั้งสิ้น 76 แห่ง มีลูกจ้างที่ผ่านการตรวจหรือได้รับความคุ้มครองรวม 5,683 คน ในส่วนผลการตรวจพบว่าสถานประกอบการทั้งหมดส่วนใหญ่ร้อยละ 90.79 (จำนวน 69 แห่ง) ปฏิบัติถูกต้องตามกฏหมาย ขณะที่สถานประกอบการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฏหมายมีร้อยละ 9.21 (จำนวน 7 แห่ง) การตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการทั้งสิ้น 51 แห่ง มีสถานประกอบการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องมีร้อยละ 5.88 (3 แห่ง) ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 5,124 คน
การประกันสังคม จำนวนสถานประกอบการและผู้ประกันตนที่เข้าสู่ระบบประกันสังคม จำแนกออกเป็น 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน โดยกองทุนประกันสังคมมีจำนวนสถานประกอบการทั้งสิ้น 2,212 แห่ง ผู้ประกันตน 51,190 ราย และกองทุนเงินทดแทนมีสถานประกอบการทั้งสิ้น 1,934 แห่ง ลูกจ้าง 62,651 คน
ในด้านการใช้บริการจากกองทุนประกันสังคมเมื่อพิจารณาตามประเภทของประโยชน์ทดแทน (ไม่เนื่องจากการทำงาน) ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน พบว่าจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 23,115 ราย สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุดได้แก่ กรณีสงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 12,396 ราย คิดเป็นร้อยละ 53.51 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รองลงมาได้แก่กรณีเจ็บป่วย ว่างงาน คลอดบุตร ชราภาพ ทุพพลภาพ และตาย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 32.13 8.56 3.44 1.47 0.49 0.39 ตามลำดับ