Skip to main content

สำนักงานแรงงาน จังหวัดลพบุรี

สถานการณ์แรงงานจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 2 ปี 2554 (เมษายน-มิถุนายน)

pll_content_description

 

 

 

 

 

บทสรุปผู้บริหาร

 

 

สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานไตรมาส  2  ปี  2554  ของจังหวัดลพบุรี

มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

ภาวะเศรษฐกิจประเทศในไตรมาสที่ 2/2554 และครึ่งแรกของปี 2554 ขยายตัวได้อย่างมั่นคงเมื่อเทียบกับปีก่อน        ซึ่งสะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจในด้านสำคัญๆ ที่เติบโตในเกณฑ์ที่ดี ทั้งภาคการส่งออกที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า  และการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนของภาครัฐ

ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีไตรมาส 2/2554

โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ตามข้อมูล  GPP  ปี  พ.ศ. 2553  ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีเมื่อพิจารณารายได้จากการผลิตขึ้นกับ  สาขาเกษตรกรรม  อุตสาหกรรม  บริหารราชการแผ่นดิน   และการค้าส่งค้าปลีก  โดยมีสัดส่วนร้อยละ  24.65  22.91  16.04  และ 8.96  ของมูลค่า GPP  รวมทั้งจังหวัด  ตามลำดับ  รายได้ต่อหัวประชากร  95,412 บาท/คน/ปี  (ตามข้อมูลเบื้องต้นจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) 

ภาพรวมเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี  ไตรมาส 2/2554 ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาขาการผลิตหลักของจังหวัดขยายตัวสูงขึ้น ทั้งสาขาการเกษตร และสาขาการบริโภค  สำหรับสาขาปศุสัตว์ และสาขาอุตสาหกรรมเติบโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจังหวัดโดยรวมขยายตัว  คือ  ปริมาณผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร    ที่ปรับตัวดีขึ้น  รวมทั้งระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้น  สะท้อนจากปริมาณการบริโภคในจังหวัดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ผนวกกับการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวในอัตราสูง  และด้านการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากซบเซาในปีที่ผ่าน  มีเพียง       การลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวลง

แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 3/2554

            คาดว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2  ปี พ.ศ.2554 (เมษายน มิถุนายน 2554)  จะขยายตัวต่อเนื่องจาก  ไตรมาสที่ 1  ทั้งภาคการเกษตร  อุตสาหกรรม  การบริโภค   การท่องเที่ยว  การจ้างงาน  รวมทั้งการลงทุนภาครัฐ       จะขยายตัวในเกณฑ์ดี  และคาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป  ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัว แต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจังหวัดไม่ขยายตัวเท่าที่ควร คือ ปัญหาภัยธรรมชาติ

          จากการประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ด้วยวิธี Management Chart คาดว่าเศรษฐกิจจังหวัด ปี 2554

จะขยายตัวประมาณร้อยละ 10

การเลือกตั้ง  ราคาสินค้า พลังงาน อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย

 

 

 

 

 

 

 

 

สถานการณ์ด้านแรงงาน

 

 

 

          ประชากรและกำลังแรงงาน  จังหวัดลพบุรีมีประชากรเฉลี่ยทั้งสิ้น 781,360  คน  สัดส่วนของเพศหญิงมีมากกว่าชาย  กล่าวคือ  เพศหญิงมีจำนวน  397,102  คน  คิดเป็นร้อยละ  50.79  ขณะที่เพศชายมี  384,763  คน (ร้อยละ  49.21) โดยสัดส่วนของประชากรทั้งหมดพบว่าเป็นผู้อยู่ในวัยทำงานหรืออายุ  15  ปีขึ้นไปมีจำนวน  651,463  คน          คิดเป็นร้อยละ  83.32  ขณะที่ผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี  มี  130,402  คน  (ร้อยละ  16.68)

          การมีงานทำ  ผู้มีงานทำ  468,472  คน  พบว่าทำงานในภาคเกษตรกรรมเป็นกลุ่มผู้ทำงานในสาขาเกษตรกรรม  ล่าสัตว์  ป่าไม้  ทั้งหมด  207,479  คน  คิดเป็นร้อยละ  43.37  ของผู้มีงานทำทั้งหมด  ส่วนผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวน  270,943  คน  (ร้อยละ  56.63  ของผู้มีงานทำทั้งหมด)  เป็นการผลิตมากที่สุดมี  92,389  คน คิดเป็นร้อยละ  19.31    รองลงมาเป็นการขายส่ง  การขายปลีก   60,488  คน  ร้อยละ  12.64  การก่อสร้าง  33,680  คน  ร้อยละ  7.04  กิจการโรงแรมและอาหาร  จำนวน  28,199  คน  ร้อยละ  5.89  และการบริหารราชการและป้องกันประเทศ  จำนวน  12,559  คน ร้อยละ  2.63

          การว่างงาน  อัตราการว่างงานซึ่งคำนวณจากผู้ว่างงานต่อผู้อยู่ในกำลังแรงงานมีอัตรา  0.96  โดยชายจะมีอัตราการว่างงานสูงกว่าหญิง  กล่าวคือ  เพศชายร้อยละ  1.23  ขณะที่เพศหญิงร้อยละ  0.67  

 

 

 

 

 

การบริการจัดหางานของจังหวัดลพบุรี  ในช่วงไตรมาสที่  2  ปี  2554  มีตำแหน่งงานว่าง  5,964             อัตราเป็นเพศชาย  113  อัตรา  คิดเป็นร้อยละ  18.96  ของตำแหน่งงานว่างทั้งหมด  ขณะที่เพศหญิงมี  60  อัตรา        คิดเป็นร้อยละ  10.07  และไม่ระบุเพศ  423  อัตรา  คิดเป็นร้อยละ  70.97  ในส่วนของผู้ลงทะเบียนสมัครงาน  มีจำนวนทั้งสิ้น  1,373  คน  เป็นชาย  520  คน  คิดเป็นร้อยละ  37.87  และเป็นหญิง  853  คน  คิดเป็นร้อยละ  62.13  และ   มีผู้ได้รับการบรรจุให้มีงานทำทั้งสิ้น  921  คน  โดยสัดส่วนของเพศหญิงจะได้รับการบรรจุงานมากกว่าเพศชายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ  58.31  (537  คน)  ขณะที่เพศชายมีร้อยละ  41.69  (384  คน)  ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สอดคล้องกับจำนวนผู้สมัครงานที่เพศหญิงมากกว่าเพศชาย

การจ้างงานคนต่างด้าว  ด้านแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานตามมติ ครม. จำแนกตามสัญชาติมีจำนวนทั้งสิ้น  435  คน  จำแนกเป็นสัญชาติกัมพูชามากที่สุด  จำนวน  245  คน  คิดเป็นร้อยละ  56.32  สัญชาติพม่าจำนวน  188  คน  คิดเป็นร้อยละ  43.22  และสัญชาติลาว  2  คน  คิดเป็นร้อยละ  0.46  ของแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งหมด

แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ  ในส่วนของการอนุญาตให้ไปทำงานต่างประเทศในไตรมาสนี้   พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น  68  คน  หากพิจารณาตามวิธีการเดินทางของผู้ที่เดินทางไปทำงานพบว่า  ส่วนใหญ่เป็นประเภท  Re-Entry  คือ  กลับไปทำงานอีกครั้งหนึ่งโดยการต่ออายุสัญญา  คือ  49  คน  (ร้อยละ  72.06)  รองลงมาเป็นประเภทนายจ้างพาไปฝึกงาน  17  คน  (ร้อยละ  25.00)  และประเภทเดินทางด้วยตนเอง  2  คน  (ร้อยละ  2.94) 

หากพิจารณาถึงภูมิภาคที่แรงงานไทยได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในไตรมาสนี้  ส่วนใหญ่จะไปทำงานในภูมิภาคเอเชีย  จำนวน  41  คน  คิดเป็นร้อยละ  60.29  ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด  รองลงมาคือภูมิภาคตะวันออกกลาง  จำนวน  15  คน  คิดเป็นร้อยละ  22.06   ภูมิภาคอื่น ๆ มีจำนวน  8  คน  ร้อยละ  11.76     และภูมิภาคแอฟริกามีจำนวน  4  คน  คิดเป็นร้อยละ  5.88  

 

 

 

 

 

 

 

 

การพัฒนาศักยภาพแรงงาน  การฝึกยกระดับฝีมือแรงงานพบว่า  มีผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งสิ้น  275  คน  จำแนกเป็นกลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการมากที่สุด  118  คน  คิดเป็นร้อยละ  42.91  ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด  กลุ่มอาชีพช่างเครื่องกล  79  คน  คิดเป็นร้อยละ  28.73  ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด  กลุ่มอาชีพช่างอุตสาหการ  34  คน  คิดเป็นร้อยละ  12.36  กลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์  16  คน          คิดเป็นร้อยละ  5.82  ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด  กลุ่มอาชีพช่างก่อสร้าง  15  คน  คิดเป็นร้อยละ  5.45  ของผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด  และกลุ่มอาชีพช่างไฟฟ้า  อิเล็กทรอนิกส์  คอมพิวเตอร์  16  คน  คิดเป็นร้อยละ  4.73 

 

 

 

 

 

 

 

 

หากพิจารณาผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมดมีผู้ผ่านการฝึก  227  คน  จำแนกเป็นกลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการมีผู้ผ่านการฝึกมากที่สุด  118  คิดเป็นร้อยละ  51.10  ของผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด  กลุ่มอาชีพช่างเครื่องกลมีผู้ผ่านการฝึก  79  คน  คิดเป็นร้อยละ  34.80  ของผู้ผ่านการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งหมด  กลุ่มอาชีพช่างอุตสาหการมีผู้ผ่านการฝึกทั้งหมด  16  คน  คิดเป็นร้อยละ  7.05  กลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์มีผู้ผ่านการฝึกทั้งหมด  14  คน  คิดเป็นร้อยละ  6.17  โดยกลุ่มอาชีพช่างก่อสร้างและกลุ่มอาชีพช่างไฟฟ้า  อิเล็กทรอนิกส์  คอมพิวเตอร์  อยู่ระหว่างการฝึก

 

 

 

 

 

 

 

 

การคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการ  สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลพบุรีได้ดำเนินการตรวจแรงงานในสถานประกอบการทั้งสิ้น  78  แห่ง  มีลูกจ้างที่ผ่านการตรวจหรือได้รับความคุ้มครองรวม  1,382  คน  จำแนกเป็นชาย  878  คน  (ร้อยละ  63.54  ของลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งหมด)  และหญิง  504  คน  (ร้อยละ  36.47         ของลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งหมด) ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบการขนาด  1 – 4  คน  คิดเป็นร้อยละ  34.62  (27  แห่ง)  รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด   20 – 49 คน  ร้อยละ  23.08  (18  แห่ง)  สถานประกอบการขนาด  5 – 5  คน  ร้อยละ  21.79  (17  แห่ง)  สถานประกอบการขนาด  10 – 19  คน  ร้อยละ  17.95  (แห่ง)  โดยสถานประกอบการขนาด  50 – 99  คนและสถานประกอบการขนาด  200 – 499  คน  มีจำนวนเท่ากันคือร้อยละ  1.28  (1  แห่ง)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลพบุรี  ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการทั้งสิ้น    58  แห่ง  มีสถานประกอบการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องมีร้อยละ  13.79 (8  แห่ง)  ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น  11,017  คน 

 

 

 

 

 

 

 

 

การประกันสังคม  จำนวนสถานประกอบการและผู้ประกันตนที่เข้าสู่ระบบประกันสังคม  จำแนกออกเป็น         2  กองทุน  คือ  กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน  โดยกองทุนประกันสังคมมีจำนวนสถานประกอบการทั้งสิ้น  2,198  แห่ง  ผู้ประกันตน  69,648  ราย    และกองทุนเงินทดแทนมีสถานประกอบการทั้งสิ้น  1,916  แห่ง  ลูกจ้าง  62,061  คน หากพิจารณาการใช้บริการกองทุนเงินทดแทน (เนื่องจากการทำงาน)  จำแนกตามประเภทความร้ายแรงพบว่า  ประเภทการหยุดงานไม่เกิน  3  วัน  คิดเป็นร้อยละ  77.00  (167  คน)  รองลงมาคือ หยุดงานเกิน  3  วัน      ร้อยละ  21.60  (46  คน)  และตาย  คิดเป็นร้อยละ  1.41  (3  คน)  ของจำนวนผู้ใช้บริการกองทุนเงินทดแทนทั้งหมด

 

 

 

 

TOP