Skip to main content

สำนักงานแรงงาน จังหวัดลพบุรี

สถานการณ์แรงงานจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 2 ปี 2553 (เมษายน-มิถุนายน)

pll_content_description

 

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
………………………………….
 
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานไตรมาส 2 ปี 2553 ของจังหวัดลพบุรี                  
มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
 
ภาวะเศรษฐกิจ        
                                โครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ตามข้อมูล GPP  ปี พ.ศ.2552  ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรีเมื่อพิจารณาจากรายได้การผลิตขึ้นกับสาขาอุตสาหกรรม เกษตรกรรม บริหารราชการแผ่นดิน   และการขายส่งขายปลีก 
โดยมีสัดส่วน   ร้อยละ 28.79 16.88   15.55 และ 13.49   ของมูลค่า GPP  รวมทั้งจังหวัดตามลำดับ
ภาพรวมเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ในไตรมาส 2/2553  ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีปัจจัยด้านบวก เช่น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การส่งออกที่ขยายตัว ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรม การลงทุน การบริโภค และการเงิน ขยายตัวจากปีก่อน แต่ยังคงมีปัจจัยด้านลบที่ส่งผลให้สาขาการเกษตร และสาขาการท่องเที่ยว หดตัวลง เช่น ราคาพืชเกษตรที่ลดลง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจังหวัดลพบุรี ไตรมาส 3/2553 คาดว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วง
ไตรมาส  3  ปี  พ.ศ.2553  (กรกฎาคม – กันยายน 2553) จะยังขยายตัวต่อเนื่องทั้งภาคอุตสาหกรรม  
การบริโภค การลงทุน และการจ้างงาน จะขยายตัวในเกณฑ์ดีเนื่องจากการส่งออกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แต่คาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นตัว   
 
สถานการณ์ด้านแรงงาน
          ประชากรและกำลังแรงงาน ประชากรในจังหวัดลพบุรีมีจำนวน 780,139 คน  เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงานจำนวน 475,418 คน ผู้มีงานทำ 453,132 คน ผู้ว่างงาน 18,805 คน 
 
            การมีงานทำ ผู้มีงานทำ 453,132 คน พบว่าทำงานในภาคเกษตรกรรม 153,189 คน คิดเป็น
ร้อยละ 33.81 ของผู้มีงานทำทั้งหมด ส่วนผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวน 299,943 คน (ร้อยละ 66.19 ของผู้มีงานทำทั้งหมด) โดยกลุ่มผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมจะทำงานในสาขาการผลิตมากที่สุดจำนวน 82,424 คน คิดเป็นร้อยละ 18.19 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมทั้งหมด รองลงมาคือ การขายส่ง การขายปลีกมี 66,945 คน  คิดเป็นร้อยละ 14.77 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมทั้งหมด    สาขาโรงแรมและภัตตาคาร 41,034 คน ร้อยละ 9.06 การก่อสร้างจำนวน 37,038 คน ร้อยละ 8.17
และการบริหารราชการและป้องกันประเทศจำนวน 17,032 คน ร้อยละ 3.76 
 
            การว่างงาน ผู้ว่างงานในจังหวัดลพบุรีมีประมาณ 18,805 คน หรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 3.96 
 
            แรงงานนอกระบบ ผู้ทำงานอยู่ในแรงงานนอกระบบจำนวน   245,389  คน  ส่วนใหญ่จะทำงาน
ในภาคเกษตรจำนวน  132,921  คน หรือร้อยละ  54.16  นอกภาคเกษตร 112,468 คน หรือร้อยละ 45.84           โดยอุตสาหกรรมที่มีแรงงานนอกระบบและนอกภาคเกษตรทำงานสูงสุดคือ  การขายส่ง  การขายปลีก             
การซ่อมแซม ยานยนต์ จำนวน 50,835 คน (ร้อยละ 45.20) ของแรงงานนอกระบบนอกภาคเกษตรกรรมทั้งหมด รองลงมาคือโรงแรมและภัตตาคาร 22,206 คน (ร้อยละ 19.74)   สาขาการผลิต 14,354 คน
(ร้อยละ 12.76) การก่อสร้าง 8,718 คน (ร้อยละ 7.75)   และการบริการชุมชน สังคม 6,958 คน (ร้อยละ 6.19) ของแรงงานนอกระบบนอกภาคเกษตรกรรมทั้งหมด           
 
            การบริการจัดหางานของจังหวัดลพบุรี ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2553 นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง 1,281 อัตรา โดยมีผู้ลงทะเบียนสมัครงานจำนวนทั้งสิ้น 1,610 คน และมีผู้ได้รับการบรรจุให้มีงานทำทั้งสิ้น 1,560 คน หากพิจารณาถึงรายละเอียดของระดับการศึกษาจะพบว่าตำแหน่งงานว่างที่มีความต้องการ คือ ระดับมัธยมศึกษามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 37.63 (482 อัตรา) รองลงมาเป็นระดับ ปวช./ปวส./อนุปริญญา โดยมีสัดส่วนร้อยละ 37.08 (475 อัตรา) ระดับประถมศึกษาและต่ำกว่ามีสัดส่วนร้อยละ 18.97 (243 อัตรา) และระดับปริญญาตรีมีสัดส่วนร้อยละ 6.25 (80 อัตรา) ขณะที่ผู้สมัครงานไตรมาสนี้ ผู้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษามีจำนวนมากที่สุด คือ ร้อยละ 49.07 (790 คน) รองลงมาระดับปริญญาตรี เป็นจำนวน 319 คน (ร้อยละ 19.81) ระดับปวช./ปวส./อนุปริญญา ร้อยละ 16.83 (271 คน) ส่วนระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 14.16 (228 คน)   และผู้บรรจุงานระดับมัธยมศึกษาได้รับการบรรจุงานมากที่สุด มีร้อยละ 47.63 (743 คน)   ระดับปวช./ปวส./อนุปริญญา จำนวน 418 คน (ร้อยละ 26.79) ระดับปริญญาตรี มีร้อยละ 18.27 (285 คน) และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า 113 คน (ร้อยละ 7.24)
 

 

            การจ้างงานคนต่างด้าว ด้านแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตผ่อนผันให้ทำงานตามมติครม. จำแนกตามสัญชาติมีจำนวนทั้งสิ้น 385 คน จำแนกเป็นสัญชาติกัมพูชามากที่สุด จำนวน 315 คน คิดเป็นร้อยละ 81.82 สัญชาติลาวจำนวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 13.25 และสัญชาติพม่า 19 คน คิดเป็นร้อยละ 4.94 ของแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั้งหมด   ส่วนคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายในจังหวัดลพบุรี จำแนกตามประเภทการได้รับอนุญาตส่วนใหญ่คือ ประเภทมาตรา 12 (ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี 3 สัญชาติ) จำนวน 16 คน (ร้อยละ 50.00) ประเภทชั่วคราวจำนวน 12 คน (ร้อยละ 37.50) ประเภทส่งเสริมการลงทุน  จำนวน 4 คน (ร้อยละ 12.50) ของคนต่างด้าวถูกกฎหมายทั้งหมด 

 
            แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีผู้ได้รับอนุญาตไปทำงานต่างประเทศจำนวน  31  คน หากพิจารณาตามวิธีการเดินทางของผู้ที่เดินทางไปทำงานพบว่า ส่วนใหญ่เป็นประเภท  Re-Entry  คือ กลับไปทำงานอีกครั้งหนึ่งโดยการต่ออายุสัญญา จำนวน 22 คน (ร้อยละ 70.97)รองลงมาเป็นประเภทนายจ้างพาไปฝึกงาน คิดเป็นร้อยละ 29.03 (ร้อยละ 9) 
                 ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะไปทำงาน    ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 54.84 ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด รองลงมาคือภูมิภาคตะวันออกกลางมีจำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 22.58 ภูมิภาคอื่นๆ จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 16.13 และภูมิภาคแอฟริกามีจำนวน 2 คน ร้อยละ 4.35
 
            การพัฒนาศักยภาพแรงงาน สำหรับการพัฒนาศักยภาพแรงงานในไตรมาสนี้ มีการฝึกเตรียมเข้าทำงานในสาขาช่างอุตสาหการซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึก
                        ในด้านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในไตรมาสนี้มี 2 กลุ่มอาชีพที่เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน คือ ช่างเครื่องกล จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 23.81 ของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานทั้งหมด และกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์จำนวน   16 คน คิดเป็นร้อยละ 76.19 ของผู้เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานทั้งหมด   และหากพิจารณาถึง ผู้ที่ผ่านการทดสอบพบว่า มีผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้งหมด 5 คน จำแนกเป็นช่างเครื่องกล จำนวน 5 คน  คิดเป็นร้อยละ 23.81 ของผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานทั้งหมด และกลุ่มอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์อยู่ในระหว่างการตรวจ
           
 
การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน มีผู้เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานทั้งสิ้น 160 คน จำแนกเป็นกลุ่มอาชีพที่เข้ารับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงานมากที่สุด คือ  กลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการ 108 คน 
คิดเป็นร้อยละ 67.50 (ผ่านการฝึกทั้งหมด) รองลงมาคือ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ 20  คน
คิดเป็นร้อยละ 12.50 (ผ่านการฝึกทั้งหมด) ช่างเครื่องกล 32 คน คิดเป็นร้อยละ 20.00  (ผ่านการฝึกทั้งหมด) 
 
การประกันสังคม จำนวนสถานประกอบการและผู้ประกันตนที่เข้าสู่ระบบประกันสังคมจำแนกออกเป็น 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน โดยมีสถานประกอบการที่อยู่ในข่ายกองทุนประกันสังคม จำนวน 2,201 แห่ง ลูกจ้างทั้งสิ้น 66,079 คน และกองทุนเงินทดแทนมี
สถานประกอบการจำนวน 1,925 แห่ง ลูกจ้างทั้งสิ้น 58,905 คน โดยหากพิจารณาจำนวนสถานประกอบการ
ที่อยู่ในเครือข่ายกองทุนประกันสังคมพบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.84 โดยมีสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมทั้งสิ้น 3 แห่ง โดยเป็นสถานพยาบาลของรัฐทั้งหมด 
สำหรับการใช้บริการจากกองทุนประกันสังคมเมื่อพิจารณาตามประเภทของประโยชน์ทดแทน(ไม่เนื่องจากการทำงาน) ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน พบว่าจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 20,220 ราย สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุดได้แก่ กรณีสงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 12,239 ราย คิดเป็นร้อยละ 60.53 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รองลงมาได้แก่กรณีเจ็บป่วย ว่างงาน คลอดบุตร ชราภาพ ทุพพลภาพ และตาย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 29.80 3.92 3.72 1.28 0.47 และ 0.29 ตามลำดับ ส่วนจำนวนการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทน พบว่า การจ่ายเงินกรณีคลอดบุตรมีการจ่ายเงินสูงสุดถึง 13,760,074. ล้านบาทหรือ
ร้อยละ 39.34 ของเงินประโยชน์ทดแทนที่จ่าย 
 
TOP