"100 ปี วันพระราชทานธงชาติไทย"
วันที่ 28 กันยายน ของทุกปีเป็น “วันพระราชทานธงชาติไทย” และเริ่ม 28 กันยายน 2560 เป็นปีแรก ทั้งนี้ เกร็ดประวัติศาสตร์ ที่มาของ “ธงชาติไทย” ซึ่งเรียกกันว่า “ธงไตรรงค์” ถูกบันทึกการก่อเกิดไว้ว่า….
…. ครั้น “สยาม” เข้าร่วมสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 1 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งพระองค์ทรงส่งทหารเข้าร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตรและประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2460 ทั้งจากกองทัพบกรถยนต์และกองบินทหารบกจำนวน 1,284 นายไปยังประเทศฝรั่งเศส หลังรบชนะ “ฝ่ายสัมพันธมิตร” ได้มีการเดินสวนสนาม เฉลิมฉลองชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ที่ “ถนนฌ็องเซลิเซ่” ใจกลางมหานครปารีส ในฝ่ายสัมพันธมิตรประกอบด้วย ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ล้วนแต่มี “ธงชาติ” ที่มีสี ขาว แดง น้ำเงิน แทบทั้งนั้น และจุดนี้เอง ในหลวงรัชกาลที่ 6 ตัดสินพระทัยเปลี่ยนธงชาติสยามเดิม คือธงช้างเผือก มาเป็น ธงไตรรงค์ ที่ใช้จนถึงปัจจุบัน ผ่านพระราชบัญญัติธง ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2460 ต่อมาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ในช่วงที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2482 นายกฯ ที่ได้รับสมญา “นายพลตราไก่” เจ้าของวลี “เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย” ได้ออกประกาศ “รัฐนิยม” เป็นนโยบายสร้างชาติทั้งสิ้น 12 ฉบับ เพื่อปรับปรุงไทยให้ทันสมัยนิยม ซึ่งประกาศรัฐนิยมนี่เองได้เปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” ในรัฐนิยมฉบับที่ 1:เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ประกาศเมื่อ 24 มิถุนายน 2482 และเริ่มให้ชาวไทย “ยืนตรง” เคารพธงชาติ – เพลงสรรเสริญพระบารมี ผ่านประกาศรัฐนิยมฉบับที่ 4: เรื่อง การเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี ใจความว่า
ด้วยรัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า ธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นสิ่งสำคัญประจำชาติ พึงได้รับความเชิดชูเคารพของชาวไทยทั้งมวล จึ่งประกาศเป็นรัฐนิยมไว้ ดั่งต่อไปนี้
1. เมื่อได้เห็นการชักธงชาติขึ้น หรือลง จากเสาประจำสถานที่ราชการตามเวลาปกติหรือได้ยินเสียงแตรเดี่ยวหรือนกหวีดเป่าคำนับ หรือให้อาณัติสัญญาณการชักธงชาติขึ้นหรือลดธงลง ให้แสดงความเคารพ โดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม
2. เมื่อได้เห็นธงชัยเฉลิมพล ธงเรือรบ ธงประจำกองยุวชนทหาร หรือธงประจำกองลูกเสือ ซึ่งทางราชการเชิญผ่านมา หรืออยู่กับที่ประจำแถวทหารหรือหน่วยยุวชนหรือลูกเสือ ให้แสดงความเคารพ โดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม
3. เมื่อได้ยินเพลงชาติ ซึ่งทางราชการบรรเลงในราชการก็ดี ซึ่งบุคคลบรรเลงในงานพิธีอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ให้ผู้ที่ร่วมงาน หรือที่อยู่ในวงงานนั้น แสดงความเคารพ โดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม
4. เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งทางราชการบรรเลงในราชการก็ดี ซึ่งบุคคลบรรเลงในโรงมหรสพ หรือในงานสโมสรใดๆ ก็ดี ให้ผู้ที่ร่วมงานหรือที่อยู่ในวงงานหรือในโรงมหรสพนั้น แสดงความเคารพ โดยปฏิบัติตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณีนิยม
5. เมื่อได้เห็นผู้ใดไม่แสดงความเคารพดังกล่าวในข้อ 1 – 2 – 3 และ 4 นั้น พึงช่วยกันตักเตือนชี้แจงให้เห็นความสำคัญแห่งการเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมี
ประกาศมา ณ วันที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2482 และเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2482 รัฐบาลจอมพล ป.ได้ประกาศรัฐนิยมฉบับที่ 6 :เรื่อง ทำนองและเนื้อร้องเพลงชาติ ให้ร้องเพลงในเวอร์ชั่นที่แต่งโดย หลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจินพยัคฆ์) อันเป็นเวอร์ชั่นเราๆ ท่านๆ ได้ฟังกันทุก 8 โมงเช้า และ 6 โมงเย็นนั่นเอง